(เครดิตรูปภาพ: freepik)
ใบปัดน้ำฝน อุปกรณ์รูปร่างเรียวเล็กที่ดูเหมือนไม่สำคัญอะไร แต่ถ้าเกิดมีปัญหาขึ้นมาก็ส่งผลต่อการขับขี่อยู่ไม่น้อย
ใบปัดน้ำฝน เป็นตัวช่วยให้ผู้ขับขี่มีทัศนวิสัยในการขับรถที่ดีขึ้น ไม่ใช่แค่เฉพาะในฤดูฝนเท่านั้น เพราะถ้ากระจกหน้ารถสกปรก ระบบปัดน้ำฝนสามารถฉีดน้ำออกมาเพื่อช่วยในการทำความสะอาดกระจกได้ ซึ่งถ้าระบบปัดน้ำฝนฉีดน้ำไม่ออก มีเสียงขณะปัดน้ำฝน หรือรีดน้ำได้ไม่ดี มีปัญหาต่อทัศนวิสัยในการขับขี่แน่นอน
วิธีการเลือกใบปัดน้ำฝน
- เลือกวัสดุที่มีคุณภาพ เนื้อยางมีความยืดหยุ่นสูง ไม่อ่อนหรือแข็งมากเกินไป และควรคงทนต่อสภาพอากาศร้อนได้ เพราะประเทศเราเป็นเมืองร้อน หากเลือกวัสดุที่ทนความร้อนได้ไม่สูงก็อาจจะเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควรได้
- เลือกโครงของใบปัดน้ำฝนที่ทำจากโลหะ เพราะจะช่วยเรื่องความแข็งแรง และป้องกันไม่ให้กระพือขณะขับรถด้วยความเร็วสูง นอกจากนี้ยังช่วยรีดน้ำออกจากกระจกได้ดีอีกด้วย
- เลือกยางที่มีความแนบสนิทไปกับกระจก
- เลือกขนาดของยางและก้านที่ได้มาตรฐาน เหมาะสมกับรุ่นรถของตัวเอง ไม่ควรเล็กหรือใหญ่เกินไป
ใบปัดน้ำฝน ควรเปลี่ยนเมื่อไหร่?
- ยางมีรอยฉีกขาดหรือแข็งกรอบ
- เปิดใช้งานแล้วกระจกไม่สะอาด รีดน้ำออกไม่หมด หรือเกิดรอยหรือละอองน้ำเกาะอยู่บนกระจก
- มีเสียงดังขณะเปิดใช้งาน หรือมีแรงฝืดจากการเสียดสีระหว่างยางกับกระจก
- น้ำฉีดกระจกไม่ออก หรือฉีดออกแต่ไม่โดนกระจก
วิธีการดูแลใบปัดน้ำฝนให้ใช้งานได้นาน ๆ
- หลีกเลี่ยงการจอดตากแดดนาน ๆ เพราะความร้อนทำให้ยางเสื่อมสภาพเร็ว
- หมั่นตรวจเช็กสภาพและทำความสะอาดตัวยางใบปัดน้ำฝนอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
- หากยางเริ่มแข็งกรอบ ควรเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนชุดใหม่ทันที
- เลือกเปลี่ยนใบปัดน้ำฝนที่มีคุณภาพและตามขนาดที่เหมาะสมกับรุ่นรถของตัวเอง เพราะถ้าเล็กหรือใหญ่เกินไปจะทำให้ประสิทธิภาพในการรีดน้ำลดลง
ดังนั้นเราไม่ควรละเลยในการดูแลใบปัดน้ำฝน เพราะถ้าเกิดการเสื่อมสภาพแล้ว จะทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่แย่ลง ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายขึ้น ควรหมั่นตรวจเช็กสภาพของใบปัดน้ำฝนและส่วนอื่น ๆ ของรถเป็นประจำหรือตามระยะ เพื่อให้การทำงานของรถอยู่ในประสิทธิภาพที่ดีและปลอดภัยอยู่เสมอ
รับสิทธิ์ประเมินราคารถฟรีวันนี้!
อ่านเพิ่มเติม: เอกสารสำคัญที่ควรมีติดรถไว้ จะได้ไม่โดนค่าปรับ
ต้องการ ราคาประเมินรถ? สามารถติดต่อเราเพื่อรับการประเมินราคารถฟรี ภายใน 24 ชั่วโมงได้เลย…