(เครดิตรูปภาพ: )
เมื่อฤดูฝนมาถึง หลายพื้นที่ในประเทศไทยมักประสบปัญหาน้ำท่วมฉับพลัน
โดยเฉพาะในเขตเมือง การขับรถผ่านน้ำท่วมจึงกลายเป็นสิ่งที่หลายคนหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่คำถามสำคัญคือ "ขับผ่านได้ไหม?" หากตัดสินใจผิดพลาด อาจทำให้รถพัง เสียหาย หรือเกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้นการรู้วิธีประเมินระดับน้ำ และขับขี่อย่างปลอดภัยจึงเป็นสิ่งจำเป็น
ขับรถลุยน้ำท่วมได้หรือไม่? ดูจากอะไรบ้าง
1. ระดับน้ำไม่ควรเกินครึ่งล้อรถ (ประมาณ 30 ซม.)
ถ้าน้ำสูงเกินครึ่งล้อ มีความเสี่ยงที่น้ำจะเข้าสู่ห้องเครื่องหรือท่อไอเสีย
2. ดูรถคันหน้าเป็นตัวอย่าง
หากรถขนาดเดียวกันกับคุณขับผ่านไปได้อย่างปลอดภัย ก็เป็นสัญญาณที่ดี
3. ระวังรถเครื่องยนต์ต่ำ เช่น รถเก๋ง
รถที่มีช่วงล่างเตี้ยจะมีโอกาสถูกน้ำเข้าระบบเครื่องยนต์ง่ายกว่ารถกระบะหรือ SUV
ข้อควรระวังเมื่อขับลุยน้ำ
1. ใช้เกียร์ต่ำ ขับช้าและต่อเนื่อง
เพื่อไม่ให้น้ำกระเซ็นเข้าสู่เครื่องยนต์และช่วยรักษาการควบคุมรถ
2. อย่าเร่งเครื่องหรือเบรกกะทันหัน
การเบรกแรง ๆ ขณะน้ำท่วมอาจทำให้ลื่นไถล หรือระบบเบรกเสียหายได้
3. หลีกเลี่ยงการหยุดนิ่งในน้ำ
หากหยุดแล้วเครื่องดับ มีโอกาสสูงที่น้ำจะเข้าเครื่องจนสตาร์ทไม่ติด
4. หลังผ่านน้ำควรทดสอบเบรกทันที
เบรกเบา ๆ เพื่อไล่น้ำออกจากผ้าเบรก
หากรถดับกลางน้ำ ต้องทำอย่างไร?
- ห้ามสตาร์ทรถซ้ำเด็ดขาด!
เพราะน้ำอาจเข้าห้องเครื่อง ทำให้เครื่องยนต์พังได้นั่นเอง
- เรียกรถยกทันที และแจ้งประกันภัย
เพื่อเคลื่อนย้ายรถไปยังอู่โดยไม่ทำให้เกิดความเสียหายเพิ่มเติม
รถประเภทไหนเหมาะกับการลุยน้ำ?
- SUV และ PPV: มีความสูงจากพื้นดี เหมาะสำหรับเส้นทางน้ำท่วม
- รถกระบะ: หากไม่มีโหลดหนัก เครื่องยนต์มักอยู่สูงกว่ารถเก๋งทำให้สามารถลุยน้ำได้พอสมควร
- รถ EV: ควรหลีกเลี่ยงการลุยน้ำ เนื่องจากระบบไฟฟ้ายังมีข้อจำกัดเรื่องการลุยน้ำอยู่
การขับรถลุยน้ำไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เพราะต้องอาศัยการประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบ หากไม่แน่ใจว่าทางน้ำท่วมข้างหน้าขับผ่านได้หรือไม่ คำตอบที่ปลอดภัยที่สุดคือให้ “เลี่ยงได้ให้เลี่ยง!” แต่หากจำเป็นต้องผ่าน ควรปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันความเสียหายต่อรถและความปลอดภัยของคุณเอง!
รับสิทธิ์ประเมินราคารถฟรีวันนี้!
อ่านเพิ่มเติม: เคล็ดไม่ลับ! ขับรถหน้าฝนอย่างไร ให้ปลอดภัยทั้งคุณและรถ
ต้องการ ราคาประเมินรถ? สามารถติดต่อเราเพื่อรับการประเมินราคารถฟรี ภายใน 24 ชั่วโมงได้เลย…