(เครดิตรูปภาพ: Shutterstock)
รู้ก่อนตัดสินใจ เลือกการปกป้องสีรถให้เหมาะกับคุณ!
เจ้าของรถหลายคนต้องการให้รถของตนดูเงางามเหมือนใหม่อยู่เสมอ การเคลือบสีและเคลือบแก้วจึงกลายเป็นทางเลือกยอดนิยมในการดูแลรักษาสีรถ แต่หลายคนอาจยังสับสนว่า “เคลือบสี” กับ “เคลือบแก้ว” แตกต่างกันอย่างไร? แล้วควรเลือกใช้แบบไหนกับรถของคุณ บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจข้อดี ข้อเสีย และความแตกต่างของทั้งสองแบบอย่างละเอียด
เคลือบสี (Wax Coating) คืออะไร?
การเคลือบสีคือการใช้แว็กซ์หรือสารเคลือบเงาเฉพาะทาง ปกป้องพื้นผิวสีรถจากฝุ่น น้ำ ฝน และแสงแดด โดยมักใช้หลังล้างรถเพื่อให้ตัวรถเงางามมากขึ้น
-
ข้อดี
- ช่วยเพิ่มความเงางามให้สีรถทันที
- ปกป้องสีรถจากแสงแดด น้ำ และฝุ่นในระยะสั้น
- ราคาถูก เข้าถึงง่าย ทำได้บ่อย
- สามารถทำเองได้ที่บ้าน
-
ข้อเสีย
- ความคงทนต่ำ อยู่ได้เพียง 1–2 สัปดาห์หรือสูงสุด 1–2 เดือน
- ไม่สามารถป้องกันรอยขีดข่วนหรือสารเคมีได้ดี
- ต้องทำซ้ำบ่อย ๆ หากต้องการผลลัพธ์ที่ดีต่อเนื่อง
เคลือบแก้ว (Glass Coating) คืออะไร?
เคลือบแก้วคือการเคลือบผิวรถด้วยสารซิลิกา หรือเซรามิก ที่มีคุณสมบัติคล้ายกระจก เมื่อเซ็ตตัวแล้วจะสร้างชั้นฟิล์มแข็งบนผิวสีรถ ปกป้องจากรังสี UV, น้ำ, ฝุ่น, มูลนก และรอยขีดข่วนระดับเล็กน้อยได้ดี
-
ข้อดี
- ปกป้องสีรถได้ยาวนาน (6 เดือน – หลายปี ขึ้นกับคุณภาพ)
- ช่วยให้สีรถดูเงางามแบบลึก และทำความสะอาดง่ายขึ้น
- ทนต่อสารเคมี คราบมูลนก น้ำมัน หรือยางไม้
- ลดโอกาสเกิดรอยขีดข่วนขณะล้างรถ
-
ข้อเสีย
- ราคาสูงกว่าการเคลือบสีมาก
- ต้องใช้ช่างผู้ชำนาญในการทำ
- หากทำผิดวิธีอาจทำให้เกิดคราบขุ่นหรือความเสียหายกับสีรถ
ตารางเปรียบเทียบ
การเลือกเคลือบสี หรือเคลือบแก้ว ขึ้นอยู่กับงบประมาณ ความต้องการ และลักษณะการใช้งานขอแต่ละคน หากคุณเน้นความเงางามชั่วคราวในราคาย่อมเยา การเคลือบสีอาจเหมาะสมกว่า แต่หากต้องการปกป้องสีรถในระยะยาว พร้อมความเงางามแบบลึกและทนทาน การเคลือบแก้วอาจเป็นคำตอบที่คุ้มค่ากว่า
รับสิทธิ์ประเมินราคารถฟรีวันนี้!
อ่านเพิ่มเติม: 7 สาเหตุที่ทำให้รถสตาร์ทไม่ติด พร้อมวิธีแก้ไขเบื้องต้น เข้าใจง่าย มือใหม่ก็ทำได้
ต้องการ ราคาประเมินรถ? สามารถติดต่อเราเพื่อรับการประเมินราคารถฟรี ภายใน 24 ชั่วโมงได้เลย…