(เครดิตรูปภาพ: Freepik)
เข้าสู่หน้าฝนเต็มรูปแบบแบบนี้ อุปกรณ์สำคัญอย่าง "ใบปัดน้ำฝน" ก็ไม่ควรมองข้าม
เพราะหากเสื่อมสภาพเมื่อไร อาจทำให้ทัศนวิสัยในการขับขี่แย่ลง และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้ทันที
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าใบปัดน้ำฝนของเราควรเปลี่ยน? มาดู 5 สัญญาณเตือนง่ายๆ ที่คุณสามารถสังเกตได้ด้วยตัวเอง
1. ปัดแล้วน้ำไม่หมด มีคราบหรือริ้วน้ำหลงเหลือ
หากลองฉีดน้ำล้างกระจกแล้วปัด แต่ยังมีคราบน้ำ ริ้วเส้น หรือฝ้าเบาๆ เหลืออยู่บนกระจกหน้ารถ แปลว่าใบปัดน้ำฝนเริ่มเสื่อมสภาพ การใช้งานในช่วงฝนตกอาจทำให้มองทางไม่ชัด โดยเฉพาะขณะขับขี่ยามค่ำคืน
2. ใบปัดมีเสียงดังผิดปกติขณะใช้งาน
ถ้าได้ยินเสียง "เอี๊ยด ๆ" หรือ "ครืด ๆ" เวลาใบปัดทำงาน อาจเป็นเพราะเนื้อยางเริ่มแข็ง เสียดสีกับกระจกจนเกิดเสียง และหากปล่อยไว้อาจทำให้กระจกเป็นรอยได้
3. ใบปัดกระตุก ไม่ลื่นไหล
ใบปัดที่ดีควรทำงานอย่างลื่นไหล แต่ถ้าใบปัดกระโดดหรือสะดุดระหว่างปัดน้ำ อาจเป็นสัญญาณว่าโครงสร้างเริ่มเสียสมดุล หรือยางเริ่มแข็งตัวแล้ว
4. ตรวจสอบด้วยสายตา เห็นรอยแตกหรือยางแหว่ง
ลองยกใบปัดขึ้นแล้วใช้มือลูบที่เนื้อยาง หากรู้สึกว่าแข็ง ไม่ยืดหยุ่น หรือมีรอยปริ บิ่น แหว่ง แม้เพียงเล็กน้อย ก็ควรเปลี่ยนทันที เพราะยางที่ไม่แนบสนิทกับกระจกจะปัดน้ำได้ไม่ดี
5. ใช้งานเกิน 6 เดือนในสภาพอากาศร้อนชื้น
ในประเทศไทยที่มีอากาศร้อนจัดและฝนตกตลอดปี แนะนำให้ตรวจสอบใบปัดน้ำฝนทุกๆ 6 เดือน แม้จะยังไม่มีปัญหาชัดเจน เพราะยางมักเสื่อมสภาพไวกว่าในประเทศที่อากาศเย็น
อย่ารอให้ฝนตกหนักถึงค่อยเช็ก
แม้ว่าใบปัดน้ำฝนจะไม่ใช่อุปกรณ์หลักอย่างเครื่องยนต์หรือเบรก แต่ก็มีบทบาทสำคัญด้านความปลอดภัยบนท้องถนน หากเสื่อมสภาพเมื่อใด การมองเห็นเส้นทางจะลดลงทันที
เช็กง่าย เปลี่ยนไว ไม่ควรมองข้าม เพื่อความอุ่นใจทุกครั้งที่ฝนตก!
รับสิทธิ์ประเมินราคารถฟรีวันนี้!
อ่านเพิ่มเติม: รถคุณกำลังพูดกับคุณอยู่! 6 เสียงที่ไม่ควรมองข้าม
ต้องการ ราคาประเมินรถ? สามารถติดต่อเราเพื่อรับการประเมินราคารถฟรี ภายใน 24 ชั่วโมงได้เลย…