(เครดิตรูปภาพ: freepik)
เมื่อพูดถึงการครอบครองรถยนต์ หลายคนมักคุ้นเคยกับการเช่าซื้อ (Hire Purchase)
แต่ปัจจุบันก็มีอีกทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้น นั่นคือ การเช่าล้วน (Leasing) ทั้งสองรูปแบบมีข้อดี–ข้อเสียแตกต่างกัน ซึ่งผู้ใช้รถควรเข้าใจให้ดีก่อนตัดสินใจ
การเช่าซื้อรถยนต์ (Hire Purchase)
- ลักษณะ: ผู้เช่าซื้อจะผ่อนชำระค่างวดรถรายเดือน เมื่อผ่อนครบตามสัญญา กรรมสิทธิ์รถจะโอนเป็นของผู้เช่าซื้อ
- ระยะเวลา: โดยทั่วไป 3–7 ปี ขึ้นอยู่กับข้อตกลง
- ค่าใช้จ่าย: มีดอกเบี้ยรวมในค่างวด เมื่อผ่อนครบจะไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
- สิทธิประโยชน์: สามารถนำรถไปขายต่อได้หลังผ่อนครบ และถือเป็นทรัพย์สินของผู้ครอบครอง
การเช่าล้วน (Leasing)
- ลักษณะ: ผู้เช่าทำสัญญาเช่ารถเป็นระยะเวลา 2–5 ปี เมื่อครบกำหนดสัญญา รถจะถูกส่งคืนบริษัทเช่า กรรมสิทธิ์จะไม่โอนให้ผู้เช่า
- ค่าใช้จ่าย: จ่ายค่าเช่ารายเดือน ซึ่งอาจครอบคลุมค่าบำรุงรักษาหรือประกันภัยขึ้นอยู่กับสัญญา
- สิทธิประโยชน์: ไม่ต้องกังวลเรื่องราคาขายต่อ เปลี่ยนรถใหม่ได้ง่ายเมื่อหมดสัญญา เหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้รถรุ่นใหม่ตลอดเวลา
เปรียบเทียบความแตกต่างหลัก
ข้อควรรู่ | เช่าซื้อ (Hire Purchase) |
เช่าล้วน (Leasing) |
กรรมสิทธิ์ | โอนเป็นของผู้ซื้อเมื่อผ่อนครบ |
ไม่โอน กรรมสิทธิ์เป็นของบริษัทเช่า |
ระยะเวลา | 3–7 ปี |
2–5 ปี |
การเปลี่ยนรถ | ต้องขายหรือเทิร์นเอง |
เปลี่ยนได้เมื่อหมดสัญญา |
ความคุ้มค่า | คุ้มในระยะยาว ได้เป็นเจ้าของจริง |
คุ้มสำหรับคนชอบเปลี่ยนรถใหม่ ใช้ระยะสั้น |
🚗 Motorist ช่วยได้อย่างไรบ้าง?
ไม่ว่าคุณจะเลือกเช่าซื้อหรือเช่าล้วน หากถึงเวลาที่อยากขายรถต่อหรือเปลี่ยนคันใหม่ Motorist Thailand มีบริการ ขายรถยนต์ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ช่วยคุณได้ราคาดีที่สุดจากผู้ซื้อหลายราย พร้อมขั้นตอนที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย กรอกข้อมูลเบื้องต้นวันนี้เพื่อรับประเมินราคาฟรีได้เลย!
รับสิทธิ์ประเมินราคารถฟรีวันนี้!
อ่านเพิ่มเติม: ควรรู้เกี่ยวกับสินเชื่อรถยนต์ ก่อนตัดสินใจทำสัญญา
ต้องการ ราคาประเมินรถ? สามารถติดต่อเราเพื่อรับการประเมินราคารถฟรี ภายใน 24 ชั่วโมงได้เลย…