ข้อแตกต่างระหว่างการเช่าซื้อรถยนต์ (Hire Purchase) และการเช่าล้วน (Leasing)

เผยแพร่โดย เมื่อ

Editors%2 Fimages%2 F1756809093831 Key+Differences+Between+Car+Hire+Purchase+And+Leasing+That+Every+Driver+Should+Know

(เครดิตรูปภาพ: freepik)

เมื่อพูดถึงการครอบครองรถยนต์ หลายคนมักคุ้นเคยกับการเช่าซื้อ (Hire Purchase)

แต่ปัจจุบันก็มีอีกทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้น นั่นคือ การเช่าล้วน (Leasing) ทั้งสองรูปแบบมีข้อดี–ข้อเสียแตกต่างกัน ซึ่งผู้ใช้รถควรเข้าใจให้ดีก่อนตัดสินใจ

การเช่าซื้อรถยนต์ (Hire Purchase)

  • ลักษณะ: ผู้เช่าซื้อจะผ่อนชำระค่างวดรถรายเดือน เมื่อผ่อนครบตามสัญญา กรรมสิทธิ์รถจะโอนเป็นของผู้เช่าซื้อ
  • ระยะเวลา: โดยทั่วไป 3–7 ปี ขึ้นอยู่กับข้อตกลง
  • ค่าใช้จ่าย: มีดอกเบี้ยรวมในค่างวด เมื่อผ่อนครบจะไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
  • สิทธิประโยชน์: สามารถนำรถไปขายต่อได้หลังผ่อนครบ และถือเป็นทรัพย์สินของผู้ครอบครอง

การเช่าล้วน (Leasing)

  • ลักษณะ: ผู้เช่าทำสัญญาเช่ารถเป็นระยะเวลา 2–5 ปี เมื่อครบกำหนดสัญญา รถจะถูกส่งคืนบริษัทเช่า กรรมสิทธิ์จะไม่โอนให้ผู้เช่า
  • ค่าใช้จ่าย: จ่ายค่าเช่ารายเดือน ซึ่งอาจครอบคลุมค่าบำรุงรักษาหรือประกันภัยขึ้นอยู่กับสัญญา
  • สิทธิประโยชน์: ไม่ต้องกังวลเรื่องราคาขายต่อ เปลี่ยนรถใหม่ได้ง่ายเมื่อหมดสัญญา เหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้รถรุ่นใหม่ตลอดเวลา

เปรียบเทียบความแตกต่างหลัก

ข้อควรรู่
เช่าซื้อ (Hire Purchase)
เช่าล้วน (Leasing)
กรรมสิทธิ์
โอนเป็นของผู้ซื้อเมื่อผ่อนครบ
ไม่โอน กรรมสิทธิ์เป็นของบริษัทเช่า
ระยะเวลา
3–7 ปี
2–5 ปี
การเปลี่ยนรถ
ต้องขายหรือเทิร์นเอง
เปลี่ยนได้เมื่อหมดสัญญา
ความคุ้มค่า
คุ้มในระยะยาว ได้เป็นเจ้าของจริง
คุ้มสำหรับคนชอบเปลี่ยนรถใหม่ ใช้ระยะสั้น

🚗 Motorist ช่วยได้อย่างไรบ้าง?

ไม่ว่าคุณจะเลือกเช่าซื้อหรือเช่าล้วน หากถึงเวลาที่อยากขายรถต่อหรือเปลี่ยนคันใหม่ Motorist Thailand มีบริการ ขายรถยนต์ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ช่วยคุณได้ราคาดีที่สุดจากผู้ซื้อหลายราย พร้อมขั้นตอนที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย กรอกข้อมูลเบื้องต้นวันนี้เพื่อรับประเมินราคาฟรีได้เลย!

รับสิทธิ์ประเมินราคารถฟรีวันนี้!

อ่านเพิ่มเติม: ควรรู้เกี่ยวกับสินเชื่อรถยนต์ ก่อนตัดสินใจทำสัญญา


ต้องการ ราคาประเมินรถ? สามารถติดต่อเราเพื่อรับการประเมินราคารถฟรี ภายใน 24 ชั่วโมงได้เลย…

0 ความคิดเห็น