ล้างแอร์รถยนต์จำเป็นแค่ไหน? พร้อมวิธีล้างแอร์ ขั้นตอน และข้อควรรู้ก่อนเข้าศูนย์

เผยแพร่โดย เมื่อ

Editors%2 Fimages%2 F1763542862648 1763542862648

(เครดิตรูปภาพ: freepik)

อากาศร้อนๆ ในเมืองไทย ทำให้แอร์รถยนต์กลายเป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้ แต่เมื่อใช้งานไปนานๆ ระบบแอร์ก็อาจกลายเป็นแหล่งสะสมของฝุ่นและเชื้อโรคได้ การ ล้างแอร์รถยนต์ จึงไม่ใช่แค่เรื่องของความเย็น แต่ยังเกี่ยวข้องกับสุขภาพและประสิทธิภาพของรถโดยตรง

ล้างตู้แอร์รถยนต์ คืออะไร

การล้างตู้แอร์รถยนต์ คือการทำความสะอาดชิ้นส่วนที่เรียกว่า "คอยล์เย็น" (Evaporator Coil) ซึ่งทำหน้าที่สร้างความเย็นและดักจับฝุ่นละอองในอากาศ เมื่อคอยล์เย็นสกปรกและอุดตัน จะส่งผลให้แอร์ไม่เย็นและเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคชั้นดี

ล้างแอร์รถยนต์สำคัญแค่ไหน ทำไมต้องล้างแอร์รถยนต์

ระบบแอร์ในรถยนต์ไม่ได้ทำหน้าที่แค่สร้างความเย็น แต่ยังช่วยกรองอากาศและควบคุมความชื้นภายในห้องโดยสาร การ ล้างระบบแอร์รถยนต์ อย่างสม่ำเสมอจึงสำคัญอย่างยิ่ง

  • ผลเสียของการไม่ล้างแอร์เป็นประจำ:
    • ปัญหาสุขภาพ: เป็นแหล่งสะสมของเชื้อรา แบคทีเรีย และไรฝุ่น ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้และโรคทางเดินหายใจ
    • แอร์ไม่เย็น: คราบสกปรกที่อุดตันทำให้การแลกเปลี่ยนความร้อนทำได้ไม่ดี แอร์จึงเย็นช้าหรือไม่เย็นเลย
    • ระบบแอร์เสียหาย: คอมเพรสเซอร์แอร์ต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อรักษาความเย็น อาจทำให้อายุการใช้งานสั้นลงและเสียหายก่อนเวลาอันควร
  • ประโยชน์ของการล้างแอร์อย่างสม่ำเสมอ:
    • ได้รับอากาศที่สะอาดและสดชื่นขึ้น
    • ยืดอายุการใช้งานของระบบแอร์
    • ช่วยให้แอร์กลับมาเย็นฉ่ำเหมือนใหม่
    • ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง เพราะคอมเพรสเซอร์ไม่ต้องทำงานหนัก

สัญญาณเตือนว่า “ถึงเวลาต้องล้างแอร์รถยนต์” แล้ว

  1. กลิ่นอับหรือกลิ่นเหม็นในรถ: เมื่อเปิดแอร์แล้วมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวหรือกลิ่นอับชื้น แสดงว่ามีความชื้นและเชื้อราสะสมที่คอยล์เย็น
  2. แอร์ไม่เย็นหรือมีเสียงดังผิดปกติ: แอร์เย็นช้า ใช้เวลานานกว่าปกติ หรือมีเสียงดังฟู่ๆ ออกมาจากช่องแอร์
  3. ลมแอร์อ่อน มีฝุ่นฟุ้งออกจากช่องแอร์: แรงลมเบาลงอย่างเห็นได้ชัด แม้จะเปิดพัดลมแรงสุด และอาจมีเศษฝุ่นเล็กๆ ปลิวออกมาด้วย
  4. ใช้น้ำมันมากขึ้นเพราะระบบแอร์ทำงานหนัก: สังเกตได้ว่าอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันสูงขึ้นผิดปกติ เนื่องจากคอมเพรสเซอร์ทำงานหนักขึ้น

วิธีล้างแอร์รถยนต์ มีกี่แบบ 

การล้างแอร์รถยนต์ที่ศูนย์บริการหรือร้านแอร์โดยทั่วไปมี 2 วิธีหลักๆ ดังนี้

1. การล้างแอร์แบบถอดตู้ (ล้างใหญ่)

Editors%2 Fimages%2 F1763542868811 1763542868811

(เครดิตรูปภาพ: freepik)

เป็น วิธีล้างแอร์รถ ที่สะอาดที่สุด โดยช่างจะรื้อคอนโซลหน้ารถทั้งหมดเพื่อนำตู้แอร์ออกมาล้างทำความสะอาดภายนอก ทำให้สามารถขจัดคราบสกปรกฝังแน่นได้อย่างหมดจดทุกซอกทุกมุม

2. การล้างแอร์แบบไม่ถอดตู้ (ล้างเบา)

Editors%2 Fimages%2 F1763542873640 1763542873640

(เครดิตรูปภาพ: freepik)

เป็นการ ล้างแอร์รถยนต์ไม่ถอดตู้ โดยใช้เครื่องมือพิเศษสอดกล้องและหัวฉีดแรงดันสูงเข้าไปทำความสะอาดคอยล์เย็นโดยตรง วิธีนี้สะดวก รวดเร็ว และ ราคาล้างแอร์รถยนต์ ถูกกว่า แต่ อาจไม่สามารถทำความสะอาดได้หมดจดเท่าวิธีแรก

เปรียบเทียบ “ล้างถอดตู้” กับ “ไม่ถอดตู้” แบบไหนดีกว่ากัน

คุณสมบัติ

ล้างแอร์แบบถอดตู้

ล้างแอร์แบบไม่ถอดตู้


ความสะอาด

สะอาดหมดจด 100%

ประมาณ 80-90%

ระยะเวลา

4-6 ชั่วโมง หรือทั้งวัน

1-2 ชั่วโมง

ราคา

สูงกว่า

ถูกกว่า

ความเหมาะสม

รถที่ไม่เคยล้างแอร์นานๆ หรือแอร์สกปรกมาก

การล้างตามระยะ, รถที่ยังใหม่อยู่

ขั้นตอนการล้างแอร์รถยนต์

  1. ช่างจะตรวจสอบการทำงานของระบบแอร์เบื้องต้น
  2. ดำเนินการล้างตามวิธีที่เลือกระหว่างแบบถอดตู้หรือไม่ถอดตู้
  3. ทำความสะอาด ล้างแผงแอร์รถยนต์ (คอยล์ร้อน) ที่อยู่หน้ารถ
  4. ตรวจสอบและเติมน้ำยาแอร์ (หากจำเป็น)
  5. ประกอบชิ้นส่วนกลับและทดสอบการทำงานของระบบแอร์อีกครั้ง

ล้างแอร์รถยนต์ราคาเท่าไหร่

  • ราคาล้างแอร์รถยนต์ แบบไม่ถอดตู้: เริ่มต้นที่ 500 - 1,500 บาท
  • ล้างตู้แอร์รถยนต์ราคา แบบถอดตู้: เริ่มต้นที่ 1,500 - 3,500 บาท
    (ราคาอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับรุ่นรถและศูนย์บริการ)

ข้อแนะนำในการดูแลแอร์รถยนต์ให้เย็นนาน ไม่ต้องล้างบ่อย

การดูแลรักษาอย่างถูกวิธีจะช่วยยืดอายุและลดความถี่ในการ ล้างแอร์รถยน ได้

  • เปิด–ปิดแอร์อย่างถูกวิธี: ก่อนดับเครื่องยนต์ 2-3 นาที ให้กดปิดปุ่ม A/C (ปิดคอมเพรสเซอร์) แต่ยังคงเปิดพัดลมไว้ เพื่อไล่ความชื้นออกจากคอยล์เย็น
  • หมั่นเปลี่ยนกรองแอร์: ควรเปลี่ยนไส้กรองแอร์ทุกๆ 10,000 - 20,000 กิโลเมตร หรือปีละครั้ง
  • หลีกเลี่ยงการนำอาหารหรือของมีกลิ่นขึ้นรถบ่อย: เพราะกลิ่นและเศษอาหารจะเข้าไปสะสมในระบบแอร์
  • จอดในที่ร่มและเปิดกระจกระบายอากาศ: ก่อนเปิดแอร์ควรลดกระจกลงเล็กน้อยเพื่อระบายความร้อนสะสม จะช่วยให้แอร์ไม่ต้องทำงานหนัก

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการล้างแอร์รถยนต์

1. ควรล้างแอร์รถยนต์ทุกกี่เดือนดี?

โดยทั่วไปแนะนำให้ ล้างแอร์รถยนต์ ทุกๆ 1-2 ปี หรือทุกๆ 20,000 - 40,000 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งานและสภาพแวดล้อม

2. ล้างแอร์แล้วแอร์ไม่เย็นขึ้น เกิดจากอะไร?

อาจเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น น้ำยาแอร์รั่วหรือพร่อง, คอมเพรสเซอร์แอร์มีปัญหา, หรือพัดลมระบายความร้อนไม่ทำงาน ซึ่งต้องให้ช่างผู้ชำนาญตรวจสอบ

3. รถแรงขึ้นเพราะปิดแอร์จริงไหม?

จริง เพราะคอมเพรสเซอร์แอร์ดึงกำลังส่วนหนึ่งจากเครื่องยนต์เพื่อทำงาน เมื่อปิด A/C เครื่องยนต์จึงมีกำลังเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

ข้อสรุป

การล้างแอร์รถยนต์ เป็นการบำรุงรักษาที่จำเป็นและไม่ควรมองข้าม เพราะส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพของผู้โดยสารและอายุการใช้งานของรถ การสังเกตสัญญาณเตือนและนำรถเข้ารับบริการเมื่อถึงเวลา จะช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างมีความสุขกับอากาศที่เย็นสบายและสะอาดสดชื่นตลอดการเดินทาง

รับสิทธิ์ประเมินราคารถฟรีวันนี้!

อ่านเพิ่มเติม: รับซื้อรถยนต์มือสอง ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ ให้ราคาสูง ภายใน 24 ชั่วโมง


ต้องการ ราคาประเมินรถ? สามารถติดต่อเราเพื่อรับการประเมินราคารถฟรี ภายใน 24 ชั่วโมงได้เลย…

0 ความคิดเห็น