รวมสัญญาณเตือนพวงมาลัยรถกำลังจะเสีย พร้อมผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

เผยแพร่โดย เมื่อ

Editors%2 Fimages%2 F1764658777251 1764658777251

(เครดิตรูปภาพ: freepik)

พวงมาลัยเป็นส่วนควบคุมหลักของรถยนต์ที่ส่งผลต่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร เมื่อพวงมาลัยเริ่มมีปัญหา การขับขี่จะกลายเป็นเรื่องอันตรายได้ บทความนี้จะแนะนำสัญญาณเตือนพวงมาลัยรถกำลังจะเสีย พร้อมอธิบายผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น เพื่อให้คุณหรือช่างซ่อมสามารถระบุและแก้ไขปัญหาได้ก่อนเกิดอุบัติเหตุ

สัญญาณเตือนพวงมาลัยรถกำลังจะเสีย

พวงมาลัยหลวมหรือไม่ตั้งตัว

สัญญาณเตือน:

  • พวงมาลัยไม่ตอบสนองต่อการเบิดทั้ง 2 ด้าน
  • ต้องบิดพวงมาลัยมากกว่าปกติจึงจะสามารถควบคุมรถได้
  • รถขับไปข้างหนึ่งโดยไม่มีเหตุผล

สาเหตุ:

  • ระบบพวงมาลัย (Steering Linkage) เสื่อมสภาพ
  • เสาพวงมาลัยหลวม
  • น้ำมันเพาเวอร์สตีริ่งไม่เพียงพอ
  • ทางเลี่ยงอากาศในระบบเพาเวอร์สตีริ่ง

พวงมาลัยหนักหรือมีแรงต้าน

สัญญาณเตือน:

  • ต้องใช้แรงมากในการหมุนพวงมาลัย
  • โดยเฉพาะตอนหยุดรถ
  • สภาพนี้แย่ลงเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ

สาเหตุ:

  • น้ำมันเพาเวอร์สตีริ่งมีปัญหา (สกปรก หรือไม่เพียงพอ)
  • สายพานขับ (Serpentine Belt) ลื่นหรือหลวม
  • ปั๊มเพาเวอร์สตีริ่งเสื่อมสภาพ
  • ระบบหมุนล้อเสีย

พวงมาลัยมีเสียง

สัญญาณเตือน:

  • เสียงกระด้างหรือสีดใหญ่เมื่อหมุนพวงมาลัย
  • เสียงคลิกหรือตัวอักษร "tack tack"
  • เสียงดังมาจากพื้นที่ใต้พวงมาลัย

สาเหตุ:

  • สายพานขับหลวมหรือสึกหรอ
  • ปั๊มเพาเวอร์สตีริ่งมีอากาศ
  • ระบบพวงมาลัยขึ้นสนิม
  • ลูกปืนหรือจุดต่อต่างๆ หลวม

พวงมาลัยสั่น

สัญญาณเตือน:

  • พวงมาลัยสั่นขณะขับขี่ขณะเร็ว
  • สั่นเพิ่มขึ้นเมื่อเหยียบเบรก
  • ความรู้สึกสั่นไหวส่วนใหญ่มาจากล้อหน้า

สาเหตุ:

  • จานเบรกหน้าผิดศูนย์กลาง
  • ล้อหน้าผิดศูนย์กลาง
  • ระบบศูนย์กลางหางโค้ง
  • ยางลมออกแบบหรือสึกหรอไม่เท่ากัน

น้ำมันเพาเวอร์สตีริ่งรั่ว

สัญญาณเตือน:

  • มีรอยน้ำมันสีแดงหรือแปดอยใต้รถ
  • ไฟเตือนในแผงควบคุมติดสว่าง
  • พวงมาลัยกลายเป็นหนึ่งต่อหนึ่ง

สาเหตุ:

  • สลท (Seal) ของระบบเพาเวอร์สตีริ่งเสื่อมสภาพ
  • ท่อสายน้ำมันแตกหรือหลวม
  • หม้อน้ำมันเพาเวอร์สตีริ่งแตก

ผลกระทบต่อการขับขี่และความปลอดภัย

สูญเสียการควบคุมรถ

พวงมาลัยที่เสีย หรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหลวดมาก อาจทำให้ผู้ขับขี่สูญเสียการควบคุมรถ โดยเฉพาะในสภาวะฉุกเฉิน เช่น หลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวาง อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายขึ้น

เพิ่มแรงด้านข้างบนรถ

หากพวงมาลัยไม่ตั้งตัวหรือหลวม ความเสถียรของรถจะลดลง และรถอาจเสมือนหนึ่งจะเลี้ยวเข้าไปทางเดียวโดยไม่ตั้งใจ สิ่งนี้ถือเป็นอันตรายมากในการขับขี่บนทางด่วนหรือถนนที่มีการจราจร

เพิ่มปริมาณน้ำมันหล่อลื่นที่ใช้

การออกแรงขับขี่มากขึ้นเพื่อควบคุมพวงมาลัย ทำให้ระบบเพาเวอร์สตีริ่งต้องทำงานหนักขึ้น นอกจากนี้ยังมีผลต่อการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง

ความหนึ่งต่อหนึ่งของพวงมาลัยลดลง

ความตอบสนองของพวงมาลัยต่อสัญญาณของผู้ขับขี่จะลดลง ทำให้การหลีกเลี่ยงอันตรายจากเป็นไปได้

สามารถนำไปสู่ความเสีย ของชิ้นส่วนอื่นๆ

หากปัญหาของพวงมาลัยไม่ได้รับการแก้ไข ระบบพวงมาลัย ระบบเบรก หรือแม้แต่ยาง อาจได้รับความเสียหายมากขึ้น

วิธีตรวจสอบพวงมาลัยรถ

ตรวจสอบด้วยตาเปล่า

  • ตรวจดูพวงมาลัยว่ามีรอยแตกหรือหลวมหรือไม่
  • ปล่อยล้อพื้นดินเล็กน้อยและดูว่ารถเลี้ยวไปด้านไหนโดยไม่มีอุปสรรค
  • ตรวจสอบท่อสายเพาเวอร์สตีริ่งสำหรับน้ำมันรั่ว

ขับทดสอบ

  • ขับรถด้วยความเร็วต่ำบนถนนที่เรียบ
  • ฟังเสียงและรู้สึกความสั่นหรือการโต้ตอบที่ผิดปกติ
  • ไปที่สถานีบริการและให้ช่างตรวจสอบ

ตรวจสอบที่อู่

  • ให้อู่ซ่อมตรวจสอบระบบพวงมาลัยทั้งหมด
  • ตรวจสอบน้ำมันเพาเวอร์สตีริ่ง ระดับ และสภาพ
  • ตรวจสอบเสาพวงมาลัย ลูกปืน และระบบพวงมาลัยทั้งหมด

วิธีแก้ไขปัญหาพวงมาลัยรถ

เติมน้ำมันเพาเวอร์สตีริ่ง

หากปัญหามาจากน้ำมันไม่เพียงพอ ให้เติมน้ำมันให้ถึงเครื่องหมาย "MAX" ใช้น้ำมันประเภทที่ถูกต้องตามรุ่นรถของคุณ

เปลี่ยนสายพานขับ

หากสายพานหลวมหรือสึกหรอ ให้เปลี่ยนใหม่ที่อู่ที่เชื่อถือได้

ตรวจสอบและซ่อมแซมระบบพวงมาลัย

หากปัญหามาจากเสาพวงมาลัยหลวมหรือลูกปืนหลวม ต้องไปปรึกษาอู่ซ่อมเพื่อซ่อมแซม

ซ่อมแซมที่ปั๊มเพาเวอร์สตีริ่ง

หากปั๊มเสีย ต้องเปลี่ยนใหม่หรือซ่อมแซม ซึ่งมักจะต้องนำรถไปที่อู่ที่มีความเชี่ยวชาญสูง

ปรับ alignment ล้อ

หากพวงมาลัยสั่นหรือไม่ตั้งตัว ให้ไปปรับ alignment ล้อที่อู่ที่เชื่อถือได้

เคล็ดลับการป้องกันการเสียของพวงมาลัย

  • บำรุงรักษาเป็นประจำ: ตรวจสอบระบบพวงมาลัยทุก 6 เดือนหรือทุก 10,000 กิโลเมตร
  • เติมน้ำมันให้ถูกต้อง: ใช้น้ำมันเพาเวอร์สตีริ่งที่ถูกต้องตามสเปค
  • ขับขี่อย่างอ่อนโยน: หลีกเลี่ยงการหมุนพวงมาลัยอย่างรุนแรง
  • ตรวจสอบสายพาน: เปลี่ยนสายพานตามกำหนดช่วงเวลา
  • หลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวาง: ไม่ให้เสาพวงมาลัยได้รับความเสียหากจากการชน

เมื่อไหร่ควรหยุดขับรถ

หากคุณพบสัญญาณใดต่อไปนี้ ควรหยุดขับรถทันทีและนำรถไปที่อู่:

  • พวงมาลัยหลวมมากจนควบคุมรถไม่ได้
  • น้ำมันเพาเวอร์สตีริ่งรั่วไหลอย่างรุนแรง
  • พวงมาลัยสั่นอย่างรุนแรง
  • เสียงแปลกประหลาด
  • ไฟเตือนบนแผงควบคุมติดสว่าง

สรุป

สัญญาณเตือนพวงมาลัยรถกำลังจะเสีย อาจเริ่มจากสิ่งเล็กน้อย เช่น พวงมาลัยหนักหรือมีเสียงแปลก ถ้าไม่ได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็ว อาจนำไปสู่ผลกระทบที่ร้ายแรงต่อความปลอดภัยของคุณและผู้โดยสาร ดังนั้น ให้ความสำคัญกับการบำรุงรักษาพวงมาลัยเป็นประจำ และเมื่อพบสัญญาณเตือนใด ๆ ควรนำรถไปปรึกษาอู่ซ่อมที่เชื่อถือได้โดยเร็ว เพื่อให้รถของคุณอยู่ในสภาพปลอดภัยตลอดเวลา

รับสิทธิ์ประเมินราคารถฟรีวันนี้!

อ่านเพิ่มเติม: รับซื้อรถยนต์มือสอง ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ ให้ราคาสูง ภายใน 24 ชั่วโมง


ต้องการ ราคาประเมินรถ? สามารถติดต่อเราเพื่อรับการประเมินราคารถฟรี ภายใน 24 ชั่วโมงได้เลย…

0 ความคิดเห็น