หัวเทียนรถยนต์คืออะไร? หน้าที่ การทำงาน และสัญญาณเมื่อควรเปลี่ยน

เผยแพร่โดย เมื่อ

Editors%2 Fimages%2 F1751448004823 1751448004822

(เครดิตรูปภาพ: mendmotor)

หัวเทียน อาจเป็นแค่ชิ้นส่วนเล็ก ๆ ในเครื่องยนต์เบนซิน แต่บทบาทของมันสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำงานของรถยนต์

หากไม่มีหัวเทียน เครื่องยนต์ก็ไม่สามารถสตาร์ทติดได้ และหากหัวเทียนเสื่อมสภาพ ก็จะส่งผลต่อสมรรถนะการขับขี่โดยรวม การทำความเข้าใจหน้าที่ของหัวเทียน และระยะเวลาที่เหมาะสมในการเปลี่ยน จึงมีความสำคัญต่อประสิทธิภาพการทำงานของรถยนต์

หัวเทียนคืออะไร และทำงานอย่างไร?

หัวเทียน (Spark Plug) คือ อุปกรณ์ที่ติดตั้งอยู่ในห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์เบนซิน มีหน้าที่หลักในการจุดระเบิดส่วนผสมของอากาศและน้ำมันเชื้อเพลิง ให้เกิดการเผาไหม้เพื่อสร้างพลังงานขับเคลื่อนรถยนต์

หลักการทำงาน

เมื่อลูกสูบเคลื่อนที่ขึ้นไปอัดส่วนผสมของอากาศและน้ำมันเชื้อเพลิงในห้องเผาไหม้ คอยล์จุดระเบิด (Ignition Coil) จะสร้างกระแสไฟฟ้าแรงสูงส่งมายังหัวเทียน กระแสไฟฟ้าจะกระโดดข้ามช่องว่าง (Gap) ระหว่างเขี้ยวหัวเทียน เกิดเป็น ประกายไฟ (Spark) ที่มีอุณหภูมิสูงมาก ซึ่งประกายไฟนี้จะจุดระเบิดส่วนผสมเชื้อเพลิง ทำให้เกิดการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ผลักลูกสูบให้เคลื่อนที่ลงและสร้างพลังงาน (Power Stroke)

หัวเทียนเป็นชิ้นส่วนที่ต้องทนทานต่อความร้อนสูง แรงดันมหาศาล และการกัดกร่อนจากกระบวนการเผาไหม้ จึงทำให้มีอายุการใช้งานจำกัด

สัญญาณเตือนว่าถึงเวลาเปลี่ยนหัวเทียน

เมื่อหัวเทียนเริ่มเสื่อมสภาพ ประสิทธิภาพในการจุดระเบิดจะลดลง และจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของเครื่องยนต์ โดยอาจดูได้จากสัญญาณเหล่านี้

  1. เครื่องยนต์เดินไม่เรียบ หรือเดินสะดุด (Misfire): เป็นสัญญาณที่พบบ่อยที่สุด เมื่อหัวเทียนจุดระเบิดไม่สมบูรณ์หรือไม่จุดเลยในบางจังหวะ จะทำให้รถมีอาการสั่น สะดุด โดยเฉพาะเวลาเร่งเครื่อง
  2. อัตราเร่งไม่ดี หรือรถไม่มีกำลัง: เมื่อการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ กำลังเครื่องยนต์จะลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้รถเร่งแซงได้ช้า หรือรู้สึกว่ารถอืด
  3. สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่าปกติ: การเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ทำให้เครื่องยนต์ต้องใช้น้ำมันมากขึ้นเพื่อให้ได้กำลังเท่าเดิม
  4. สตาร์ทรถติดยาก: โดยเฉพาะตอนเช้า หรือตอนเครื่องเย็น เมื่อหัวเทียนจ่ายประกายไฟได้ไม่แรงพอ
  5. ไฟรูปเครื่องยนต์ (Check Engine Light) โชว์: ระบบคอมพิวเตอร์ของรถอาจตรวจพบความผิดปกติในการจุดระเบิดและแสดงไฟเตือนขึ้นมา
  6. มีคราบเขม่าหรือสิ่งสกปรกสะสมที่เขี้ยวหัวเทียน: เมื่อถอดหัวเทียนออกมาตรวจสอบ หากพบเขม่าคาร์บอน น้ำมัน หรือคราบสกปรกอื่นๆ เกาะอยู่มาก แสดงว่าหัวเทียนทำงานผิดปกติ หรือมีปัญหาในเครื่องยนต์

ควรเปลี่ยนหัวเทียนเมื่อไหร่ดีที่สุด?

ระยะเวลาในการเปลี่ยนหัวเทียนขึ้นอยู่กับ ประเภทของหัวเทียน และ คำแนะนำจากผู้ผลิตรถยนต์

  • หัวเทียนธรรมดา (Standard/Copper Spark Plugs): ทำจากทองแดง มีอายุการใช้งานสั้นที่สุด มักจะต้องเปลี่ยนทุกๆ 20,000 – 40,000 กิโลเมตร
  • หัวเทียนแพลตินัม (Platinum Spark Plugs): มีส่วนผสมของแพลตินัม ทำให้ทนทานกว่าหัวเทียนธรรมดา มักเปลี่ยนทุกๆ 60,000 – 80,000 กิโลเมตร
  • หัวเทียนอิริเดียม (Iridium Spark Plugs): ทำจากอิริเดียมซึ่งเป็นโลหะที่มีความแข็งและทนทานสูงมาก มีอายุการใช้งานยาวนานที่สุด มักเปลี่ยนทุกๆ 100,000 – 160,000 กิโลเมตร หรือมากกว่านั้น

ข้อควรจำ

  • อ่านคู่มือประจำรถ: คู่มือรถยนต์แต่ละรุ่นจะระบุชนิดของหัวเทียนที่แนะนำและระยะเวลาการเปลี่ยนที่ถูกต้องที่สุดสำหรับรถคันนั้นๆ ควรยึดตามคู่มือเป็นหลัก
  • สภาพการขับขี่: หากคุณขับขี่ในสภาพที่สมบุกสมบัน เช่น รถติดในเมืองบ่อยๆ, ขับรถขึ้นเขา หรือใช้รอบเครื่องยนต์สูงเป็นประจำ อาจจะต้องเปลี่ยนหัวเทียนเร็วกว่ากำหนด

วิธีเลือกซื้อหัวเทียนที่เหมาะสม

  1. เลือกประเภทที่เหมาะสมกับรถ: ควรเลือกหัวเทียนประเภทเดียวกับที่ติดมากับรถ หรือตามที่ผู้ผลิตแนะนำ (เช่น ถ้าคู่มือระบุให้ใช้หัวเทียนอิริเดียม ก็ควรใช้อิริเดียม)
  2. เลือกค่าความร้อน (Heat Range) ที่ถูกต้อง: หัวเทียนมีค่าความร้อนที่แตกต่างกัน การเลือกค่าที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้หัวเทียนเสื่อมเร็ว หรือเครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ
  3. ซื้อจากร้านค้าที่น่าเชื่อถือ: เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นหัวเทียนของแท้และมีคุณภาพ

การดูแลหัวเทียนและเปลี่ยนตามกำหนด ไม่เพียงช่วยรักษาสมรรถนะของเครื่องยนต์ให้ทำงานได้ราบรื่น ประหยัดน้ำมัน และลดมลพิษ แต่ยังช่วยลดโอกาสที่รถจะเกิดปัญหาจุกจิกกลางทาง ทำให้คุณมั่นใจในการขับขี่ได้ทุกเส้นทางนั่นเองครับ

รับสิทธิ์ประเมินราคารถฟรีวันนี้!

อ่านเพิ่มเติม: เปลี่ยนหัวเทียนด้วยตัวเอง ทำได้ไหม? มีข้อควรระวังอะไรบ้าง?


ต้องการ ราคาประเมินรถ? สามารถติดต่อเราเพื่อรับการประเมินราคารถฟรี ภายใน 24 ชั่วโมงได้เลย…

0 ความคิดเห็น