(เครดิตรูปภาพ: mendmotor)
หัวเทียน อาจเป็นแค่ชิ้นส่วนเล็ก ๆ ในเครื่องยนต์เบนซิน แต่บทบาทของมันสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำงานของรถยนต์
หากไม่มีหัวเทียน เครื่องยนต์ก็ไม่สามารถสตาร์ทติดได้ และหากหัวเทียนเสื่อมสภาพ ก็จะส่งผลต่อสมรรถนะการขับขี่โดยรวม การทำความเข้าใจหน้าที่ของหัวเทียน และระยะเวลาที่เหมาะสมในการเปลี่ยน จึงมีความสำคัญต่อประสิทธิภาพการทำงานของรถยนต์
หัวเทียนคืออะไร และทำงานอย่างไร?
หัวเทียน (Spark Plug) คือ อุปกรณ์ที่ติดตั้งอยู่ในห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์เบนซิน มีหน้าที่หลักในการจุดระเบิดส่วนผสมของอากาศและน้ำมันเชื้อเพลิง ให้เกิดการเผาไหม้เพื่อสร้างพลังงานขับเคลื่อนรถยนต์
หลักการทำงาน
เมื่อลูกสูบเคลื่อนที่ขึ้นไปอัดส่วนผสมของอากาศและน้ำมันเชื้อเพลิงในห้องเผาไหม้ คอยล์จุดระเบิด (Ignition Coil) จะสร้างกระแสไฟฟ้าแรงสูงส่งมายังหัวเทียน กระแสไฟฟ้าจะกระโดดข้ามช่องว่าง (Gap) ระหว่างเขี้ยวหัวเทียน เกิดเป็น ประกายไฟ (Spark) ที่มีอุณหภูมิสูงมาก ซึ่งประกายไฟนี้จะจุดระเบิดส่วนผสมเชื้อเพลิง ทำให้เกิดการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ผลักลูกสูบให้เคลื่อนที่ลงและสร้างพลังงาน (Power Stroke)
หัวเทียนเป็นชิ้นส่วนที่ต้องทนทานต่อความร้อนสูง แรงดันมหาศาล และการกัดกร่อนจากกระบวนการเผาไหม้ จึงทำให้มีอายุการใช้งานจำกัด
สัญญาณเตือนว่าถึงเวลาเปลี่ยนหัวเทียน
เมื่อหัวเทียนเริ่มเสื่อมสภาพ ประสิทธิภาพในการจุดระเบิดจะลดลง และจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของเครื่องยนต์ โดยอาจดูได้จากสัญญาณเหล่านี้
- เครื่องยนต์เดินไม่เรียบ หรือเดินสะดุด (Misfire): เป็นสัญญาณที่พบบ่อยที่สุด เมื่อหัวเทียนจุดระเบิดไม่สมบูรณ์หรือไม่จุดเลยในบางจังหวะ จะทำให้รถมีอาการสั่น สะดุด โดยเฉพาะเวลาเร่งเครื่อง
- อัตราเร่งไม่ดี หรือรถไม่มีกำลัง: เมื่อการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ กำลังเครื่องยนต์จะลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้รถเร่งแซงได้ช้า หรือรู้สึกว่ารถอืด
- สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่าปกติ: การเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ทำให้เครื่องยนต์ต้องใช้น้ำมันมากขึ้นเพื่อให้ได้กำลังเท่าเดิม
- สตาร์ทรถติดยาก: โดยเฉพาะตอนเช้า หรือตอนเครื่องเย็น เมื่อหัวเทียนจ่ายประกายไฟได้ไม่แรงพอ
- ไฟรูปเครื่องยนต์ (Check Engine Light) โชว์: ระบบคอมพิวเตอร์ของรถอาจตรวจพบความผิดปกติในการจุดระเบิดและแสดงไฟเตือนขึ้นมา
- มีคราบเขม่าหรือสิ่งสกปรกสะสมที่เขี้ยวหัวเทียน: เมื่อถอดหัวเทียนออกมาตรวจสอบ หากพบเขม่าคาร์บอน น้ำมัน หรือคราบสกปรกอื่นๆ เกาะอยู่มาก แสดงว่าหัวเทียนทำงานผิดปกติ หรือมีปัญหาในเครื่องยนต์
ควรเปลี่ยนหัวเทียนเมื่อไหร่ดีที่สุด?
ระยะเวลาในการเปลี่ยนหัวเทียนขึ้นอยู่กับ ประเภทของหัวเทียน และ คำแนะนำจากผู้ผลิตรถยนต์
- หัวเทียนธรรมดา (Standard/Copper Spark Plugs): ทำจากทองแดง มีอายุการใช้งานสั้นที่สุด มักจะต้องเปลี่ยนทุกๆ 20,000 – 40,000 กิโลเมตร
- หัวเทียนแพลตินัม (Platinum Spark Plugs): มีส่วนผสมของแพลตินัม ทำให้ทนทานกว่าหัวเทียนธรรมดา มักเปลี่ยนทุกๆ 60,000 – 80,000 กิโลเมตร
- หัวเทียนอิริเดียม (Iridium Spark Plugs): ทำจากอิริเดียมซึ่งเป็นโลหะที่มีความแข็งและทนทานสูงมาก มีอายุการใช้งานยาวนานที่สุด มักเปลี่ยนทุกๆ 100,000 – 160,000 กิโลเมตร หรือมากกว่านั้น
ข้อควรจำ
- อ่านคู่มือประจำรถ: คู่มือรถยนต์แต่ละรุ่นจะระบุชนิดของหัวเทียนที่แนะนำและระยะเวลาการเปลี่ยนที่ถูกต้องที่สุดสำหรับรถคันนั้นๆ ควรยึดตามคู่มือเป็นหลัก
- สภาพการขับขี่: หากคุณขับขี่ในสภาพที่สมบุกสมบัน เช่น รถติดในเมืองบ่อยๆ, ขับรถขึ้นเขา หรือใช้รอบเครื่องยนต์สูงเป็นประจำ อาจจะต้องเปลี่ยนหัวเทียนเร็วกว่ากำหนด
วิธีเลือกซื้อหัวเทียนที่เหมาะสม
- เลือกประเภทที่เหมาะสมกับรถ: ควรเลือกหัวเทียนประเภทเดียวกับที่ติดมากับรถ หรือตามที่ผู้ผลิตแนะนำ (เช่น ถ้าคู่มือระบุให้ใช้หัวเทียนอิริเดียม ก็ควรใช้อิริเดียม)
- เลือกค่าความร้อน (Heat Range) ที่ถูกต้อง: หัวเทียนมีค่าความร้อนที่แตกต่างกัน การเลือกค่าที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้หัวเทียนเสื่อมเร็ว หรือเครื่องยนต์ทำงานผิดปกติ
- ซื้อจากร้านค้าที่น่าเชื่อถือ: เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นหัวเทียนของแท้และมีคุณภาพ
การดูแลหัวเทียนและเปลี่ยนตามกำหนด ไม่เพียงช่วยรักษาสมรรถนะของเครื่องยนต์ให้ทำงานได้ราบรื่น ประหยัดน้ำมัน และลดมลพิษ แต่ยังช่วยลดโอกาสที่รถจะเกิดปัญหาจุกจิกกลางทาง ทำให้คุณมั่นใจในการขับขี่ได้ทุกเส้นทางนั่นเองครับ
รับสิทธิ์ประเมินราคารถฟรีวันนี้!
อ่านเพิ่มเติม: เปลี่ยนหัวเทียนด้วยตัวเอง ทำได้ไหม? มีข้อควรระวังอะไรบ้าง?
ต้องการ ราคาประเมินรถ? สามารถติดต่อเราเพื่อรับการประเมินราคารถฟรี ภายใน 24 ชั่วโมงได้เลย…