(เครดิตรูปภาพ: freepik)
หลายคนที่ต่อประกันภัยรถยนต์ในปีนี้อาจสังเกตว่า เบี้ยประกันแพงขึ้นกว่าปีก่อน
แม้จะใช้รถคันเดิม ขับระยะทางเท่าเดิม และไม่เคยเคลมเลยก็ตาม สาเหตุที่เบี้ยประกันสูงขึ้นจริง ๆ แล้วไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้าของรถเพียงอย่างเดียว แต่มีหลายปัจจัยจากสภาพเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ส่งผลโดยตรงกับเบี้ยประกัน วันนี้เรามาไขข้อสงสัยกันว่าทำไมประกันถึงแพงขึ้น!
1. ต้นทุนค่าซ่อมและอะไหล่สูงขึ้น
รถยนต์รุ่นใหม่ใช้เทคโนโลยีมากขึ้น เช่น กล้อง เซนเซอร์ ระบบช่วยขับขี่ (ADAS) ทำให้ ค่าอะไหล่และค่าซ่อมบำรุงแพงขึ้นหลายเท่า เมื่อเกิดอุบัติเหตุ บริษัทประกันจึงต้องแบกรับต้นทุนสูงขึ้น ส่งผลให้เบี้ยประกันเพิ่มตาม
2. ความถี่ในการเกิดอุบัติเหตุ
แม้เจ้าของรถบางคนจะขับอย่างระมัดระวัง แต่ จำนวนอุบัติเหตุบนท้องถนนโดยรวมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอุบัติเหตุจากการใช้มือถือขณะขับรถ ทำให้บริษัทประกันต้องรับความเสี่ยงมากขึ้น
3. ภัยธรรมชาติและสภาพอากาศสุดขั้ว
เหตุการณ์น้ำท่วม พายุ หรือฝนตกหนักทำให้รถเสียหายจำนวนมากในคราวเดียว ส่งผลให้บริษัทประกันต้องจ่ายสินไหมจำนวนมาก และต้องปรับเบี้ยประกันเพื่อรองรับความเสี่ยงนี้
4. ค่าสินไหมทดแทนที่สูงขึ้น
บริษัทประกันบางแห่งมี อัตราการเคลม (Claim Ratio) สูงขึ้น โดยเฉพาะคดีฟ้องร้องหรือความเสียหายต่อบุคคลที่สาม จึงต้องปรับเบี้ยเพื่อรักษาสมดุลทางการเงิน
5. ค่าเงินและการนำเข้าอะไหล่
อะไหล่รถยนต์จำนวนมากนำเข้าจากต่างประเทศ หากค่าเงินบาทอ่อนลง ต้นทุนจะสูงขึ้น ทำให้ราคาซ่อมรถแพงขึ้นตาม
แล้วเจ้าของรถทำอย่างไรได้บ้าง?
- เปรียบเทียบราคาก่อนตัดสินใจต่อประกัน
- ตรวจสอบความคุ้มครอง ว่าตรงกับการใช้งานจริงหรือไม่
- เลือกบริษัทประกันที่มีบริการเคลมง่ายและเชื่อถือได้
Motorist Thailand ที่ช่วยให้เรื่องประกันรถยนต์เป็นเรื่องง่ายขึ้นสำหรับทุกคน
- เปรียบเทียบเบี้ยประกันจากหลายบริษัทได้ในที่เดียว
- เลือกความคุ้มครองที่ตรงกับความต้องการ
- ทำธุรกรรมออนไลน์ สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย
👉 ทำให้คุณได้ประกันที่ คุ้มค่าและตรงใจที่สุด โดยไม่ต้องเสียเวลาเช็คราคาหลายที่ ติดต่อเราวันนี้เลย!
รับสิทธิ์ประเมินราคารถฟรีวันนี้!
อ่านเพิ่มเติม: ทำไมรถใหม่หลายคันถึงขายต่อแล้ว? 5 เหตุผลที่เจ้าของรถเปลี่ยนใจเร็วขึ้น
ต้องการ ราคาประเมินรถ? สามารถติดต่อเราเพื่อรับการประเมินราคารถฟรี ภายใน 24 ชั่วโมงได้เลย…