ที่ปัดน้ำฝนควรเปลี่ยนทั้งก้าน หรือเปลี่ยนเฉพาะยางถึงจะดี?

เผยแพร่โดย เมื่อ

Editors%2 Fimages%2 F1757660057667 1757660057667

(เครดิตรูปภาพ : WipeWave)

ที่ปัดน้ำฝน เป็นหนึ่งในอุปกรณ์เล็ก ๆ บนรถยนต์ที่หลายคนมักละเลย แต่แท้จริงแล้วมีความสำคัญมากต่อความปลอดภัย โดยเฉพาะในช่วงหน้าฝนหรือเวลาที่ขับรถกลางสภาพอากาศที่ทัศนวิสัยไม่ดี

หากที่ปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพ ไม่สามารถปัดน้ำฝนออกได้หมด จะทำให้ผู้ขับขี่มองถนนไม่ชัดเจนและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ

เมื่อถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนที่ปัดน้ำฝน คำถามที่มักจะเกิดขึ้นคือ ควรเปลี่ยนทั้งก้าน (ใบปัดน้ำฝนพร้อมโครง) หรือเปลี่ยนแค่ยางรีฟิลอย่างเดียว? บทความนี้จะมาช่วยไขข้อสงสัย พร้อมอธิบายข้อดีข้อเสียของแต่ละวิธีเพื่อให้คุณตัดสินใจได้เหมาะสมกับรถและงบประมาณให้คุณเอง!

การเปลี่ยนทั้งก้านที่ปัดน้ำฝน

การเปลี่ยนทั้งก้าน หมายถึงการถอดชุดใบปัดน้ำฝนเดิมออกทั้งหมด แล้วใส่ของใหม่ทั้งชุด ไม่ว่าจะเป็นโครง โลหะ พลาสติก และยางปัดน้ำฝน

ข้อดี

  • สะดวกและง่ายต่อการติดตั้ง: ไม่ต้องยุ่งยากกับการสอดยางใหม่เข้ากับโครงเดิม เพียงถอดของเก่าและใส่ของใหม่

  • โครงใหม่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการปัด: หากก้านเดิมบิดงอหรือเสื่อมสภาพ โครงใหม่จะช่วยกดแรงปัดให้แนบกระจกได้ดีขึ้น

  • อายุการใช้งานยาวกว่า: เพราะทั้งโครงและยางเป็นของใหม่ ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อเสีย

  • ราคาสูงกว่า: การเปลี่ยนทั้งชุดย่อมมีค่าใช้จ่ายมากกว่าการเปลี่ยนเฉพาะยาง

  • สิ้นเปลืองวัสดุมากกว่า: หากโครงเดิมยังอยู่ในสภาพดี การเปลี่ยนทั้งชุดอาจถือว่าสิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น

การเปลี่ยนเฉพาะยางปัดน้ำฝน (Refill)

การเปลี่ยนเฉพาะยาง หมายถึงการถอดยางเสื่อมสภาพออกจากก้านเดิม แล้วใส่ยางใหม่แทน

ข้อดี

  • ประหยัดค่าใช้จ่าย: ราคายางรีฟิลถูกกว่าการซื้อทั้งก้าน

  • รักษ์สิ่งแวดล้อม: ลดการทิ้งวัสดุที่ยังใช้งานได้ เช่น โครงโลหะและพลาสติก

  • เหมาะสำหรับคนที่ดูแลรถสม่ำเสมอ: หากก้านยังแข็งแรง การเปลี่ยนเฉพาะยางถือว่าเพียงพอ

ข้อเสีย

  • ติดตั้งยากกว่าเล็กน้อย: ต้องใช้ความละเอียดในการสอดยางเข้าไปในรางก้าน

  • ประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับโครงเดิม: หากโครงบิดงอหรือแรงกดไม่สม่ำเสมอ แม้เปลี่ยนยางใหม่ก็อาจปัดไม่สะอาด

  • หายางที่เข้ากันยาก: รถบางรุ่นต้องใช้รีฟิลที่มีขนาดและรูปแบบเฉพาะ อาจหาซื้อยากกว่าแบบก้านพร้อมชุด

สรุป ควรเลือกแบบไหนดี?

  • หากโครงที่ปัดน้ำฝนยังแข็งแรง ไม่บิดงอ: การเปลี่ยนเฉพาะยางก็เพียงพอ ประหยัดและคุ้มค่า

  • หากโครงเริ่มเสื่อมสภาพ ปัดไม่แนบกระจก หรือใช้งานมาหลายปีแล้ว: ควรเปลี่ยนทั้งก้าน เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพการปัดสูงสุดและใช้งานได้นานกว่า

โดยทั่วไป แนะนำให้ตรวจสอบสภาพที่ปัดน้ำฝนทุก ๆ 6 เดือน และเปลี่ยนใหม่อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือเมื่อสังเกตว่าปัดแล้วมีรอยเส้น น้ำไม่ถูกปัดออกหมด หรือมีเสียงดังผิดปกตินั่นเอง

รับสิทธิ์ประเมินราคารถฟรีวันนี้!

อ่านเพิ่มเติม: จะรู้ได้ยังไงว่าที่ปัดน้ำฝนหมดอายุ?


ต้องการ ราคาประเมินรถ? สามารถติดต่อเราเพื่อรับการประเมินราคารถฟรี ภายใน 24 ชั่วโมงได้เลย…

0 ความคิดเห็น